วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่องทัศนธาตุ



โครงงานคอมพิวเตอร์
การพัฒนาเว็บไซต์ เรื่อง ทัศนธาตุ


เสนอ
อาจารย์เทียนชัย  ไชยโชค


โดย
1. นายภัทรดนัย     ปัญญกุลเกียรติ      ชั้นม.5/3                 เลขที่2
                2.นางสาวคัคณางค์ ทิมธนสาร                         ชั้นม.5/3                      เลขที่14
                3.นางสาวจริยา       งามวงษ์                   ชั้นม.5/3                 เลขที่25
                4.นางสาวสุชัญญา  อุปพงษ์                   ชั้นม.5/3                 เลขที่33





ชื่อโครงงาน           ทัศนธาตุ
ประเภทโครงงาน  โครงงานประเภทพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
คณะผู้จัดทำ            1. นายภัทรดนัย                     ปัญญกุลเกียรติ      ชั้นม.5/3                 เลขที่2
                                2.นางสาวคัคณางค์ ทิมธนสาร              ชั้นม.5/3                 เลขที่14
                                3.นางสาวจริยา                       งามวงษ์                   ชั้นม.5/3                 เลขที่25
                                4.นางสาวสุชัญญา                  อุปพงษ์                   ชั้นม.5/3                 เลขที่33
อาจารย์ที่ปรึกษา    1.อาจารย์ชาคริต                    แก้วสวัสดิ์             
                                2.อาจารย์เทียนชัย                  ไชยโชค
โรงเรียน                 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ    สตรีวิทยา๒
พุทธศักราช            2556

บทคัดย่อ
                โครงงานเรื่อง ทัศนธาตุ เป็นโครงงานที่จัดทำขึ้นเพื่อศึกษา ความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม   หลักการออกแบบและจัดองค์ประกอบให้      มีเอกภาพ การวาดภาพทัศนียภาพ เอกภาพความกลมกลืนในงานปั้น   การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ งานกราฟิก การสร้างสรรค์ งานศิลปะไทยและวัฒนธรรมต่างๆ








กิตติกรรมประกาศ
                โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ทัศนธาตุ ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี เพราะผู้มีพระคุณทุกท่านที่ผู้ศึกษาใคร่ขอกราบขอบพระคุณคือ ท่านอาจารย์ชาคริต  แก้วสวัสดิ์และ ท่านอาจารย์เทียนชัย  ไชยโชค ครูผู้สอนที่ได้ให้ความรู้  คำแนะนำตรวจทาน และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยความเอาใจใส่ทุกขั้นตอน เพื่อนให้การทำโครงงานครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์
                ขอขอบพระคุณท่านผู้ปกครองของคณะผู้จัดทำทุกท่านที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโครงงานฉบับนี้ที่ได้ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนและให้กำลังใจตลอดมา


คณะผู้จัดทำ




                                                                                                         บทที่1
บทนำ
ชื่อโครงงาน  การพัฒนาเว็บไซต์ เรื่อง ทัศนธาตุ
ประกอบการเรียน รายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
 ชั้น.ม.5/3 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2556
 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒
ชื่อผู้จัดทำ               1นายภัทรดนัย         ปัญญกุลเกียรติ  เลขที่2   ชั้นม.5/3
                                2นางสาวคัคณางค์ ทิมธนสาร        เลขที่14  ชั้นม.5/3
3นางสาวจริยา       งามวงษ์            เลขที่25  ชั้นม.5/3
4นางสาวสุชัญญา  อุปพงษ์            เลขที่33  ชั้นม.5/3
ครูที่ปรึกษา            1.อาจารย์ชาคริต        แก้วสวัสดิ์         
                           2.อาจารย์เทียนชัย   ไชยโชค
เสนอ อาจารย์เทียนชัย  ไชยโชค
1.ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยเฉพาะเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เข้ามามีบทบาทในการจัดการเรียนการสอนค่อนข้างสูงทำให้เกิดการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
                กลุ่มของข้าพเจ้าจึงจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บไซต์ เรื่อง ทัศนธาตุ เป็นสื่อการเรียนการสอนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยได้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับทัศนธาตุ ที่มีผลต่องานศิลปะ โดยแบ่งออกเป็น 8 หน่วยการเรียนรู้ คือ ความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม หลักการออกแบบและจัดองค์ประกอบให้มีเอกภาพ การวาดภาพทัศนียภาพ เอกภาพความกลมกลืนในงานปั้นและงานสื่อผสม การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ หรืองานกราฟิก การสร้างสรรค์งานศิลปะไทยและวัฒนธรรมต่างๆ ได้เป็นระบบและนำเสนอด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ ง่ายต่อการศึกษา อีกทั้งมีแบบทดสอบที่ผู้เรียนสามารถตรวจสอบวัดผลการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อีกทั้งสื่อในรูปแบบเว็บไซต์ใช้งานง่ายและสะดวกต่อการใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา


2
2.จุดประสงค์ในการทำโครงงาน
1.               เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับงานทางด้านศิลปะ.
2.               เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับกลุ่มสาระศิลปะ
3.               เพื่อสร้างความสะดวกต่อการศึกษาและในชีวิตประจำวัน
4.               เพื่อศึกษาเรื่องทัศนธาตุ
5.               เพื่อสร้างสื่อการเรียนการสอนประเภทเว็บไซต์ เรื่อง ทัศนธาตุ
6.               เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้ดปรแกรมต่างๆ และจัดทำโครงงาน
3.ผลที่คาดว่าจะได้รับ 
1.               ได้รับความรู้เกี่ยวกับกลุ่มสาระศิลปะเพิ่มมากขึ้น
2.               ทำให้ทราบถึงความหมายของทัศนธาตุ
3.               เข้าใจถึงหลักการพัฒนาเว็บไซต์ต่างๆ
4.               ได้สื่อการเรียนการสอนเรื่อง ทัศนธาตุ
5.               มีความสะดวกสบายต่อการศึกษา
6.               เข้าใจหลักการใช้งานโปรแกรมต่างๆในการพัฒนาเว็บไซต์และโครงงาน
4.ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า แบ่งเป็น
4.1ขอบเขตของเนื้อหาที่ศึกษาประกอบด้วย
1. ความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม
        2. หลักการออกแบบและจัดองค์ประกอบให้มีเอกภาพ 
3. การวาดภาพทัศนียภาพ
4. เอกภาพความกลมกลืนในงานปั้นและงานสื่อผสม
5. การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ หรืองานกราฟิก
6. การสร้างสรรค์งานศิลปะไทยและวัฒนธรรมต่างๆ
4.2.ขอบเขตของโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาประกอบด้วย
    1 Adobe photoshop 7.0
      2. Microsoft word 2007
      3. Nero Burning ROM 7
   4. ACDSee  pro 10

3
5.ค่าใช้จ่ายในการทำโครงงาน
1.กระดาษ A4                         จำนวน 1 รีม           ราคา 108 บาท
2.กระดาษหน้าปก                 จำนวน 2 แผ่น        ราคา 10  บาท
3.แผ่น CD/DVD+กล่อง        จำนวน 2 แผ่น        ราคา 40 บาท
4 ค่าสกรีนแผ่น                      จำนวน 1 แผ่น        ราคา 15 บาท
5.ค่าปริ้น+เข้าเล่ม                  จำนวน 1 เล่ม         ราคา 100 บาท
                                รวม         จำนวน 8                 ราคา 273 บาท
6. แผนการปฏิบัติงาน
แผนการปฏิบัติงาน
ลำดับที่
รายการปฏิบัติงาน
ระยะเวลา
ผลการปฏิบัติ
1
ศึกษาข้อมูล คัดเลือกหัวข้อโครงงาน
5 ก.ค. 56
เสร็จเรียบร้อย
2
เขียนแบบเสนอโครงงาน
12 ก.ค. 56
เสร็จเรียบร้อย
3
ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาตรวจสอบความถูกต้อง
18 ก.ค. 56
เสร็จเรียบร้อย
4
จัดทำเอกสารโครงงานบทที่2 และนำเสนอที่ปรึกษาโครงงาน
20 ก.ค. 56
เสร็จเรียบร้อย
5
จัดทำเอกสารโครงงานบทที่3 และนำเสนอที่ปรึกษาโครงงาน
2 ส.ค. 56

6
จัดทำเอกสารโครงงานบทที่4 และนำเสนอที่ปรึกษาโครงงาน
9 ส.ค. 56

7
จัดทำเอกสารโครงงานบทที่5 และนำเสนอที่ปรึกษาโครงงาน
16 ส.ค. 56

8
นำเสนอครูที่ปรึกษาทั้ง2ท่าน ตรวจสอบความถูกต้องของงานทั้งหมด
23 ส.ค. 56

9
นำเสนอโครงงานหน้าชั้นเรียน / จัดแสดงโครงงาน
30 ส.ค. 56

10
นำส่งรูปเล่มโครงงานและเว็บไซต์
6 ก.ย. 56

ลงชื่อผู้จัดทำ1.นายภัทรดนัย                    ปัญญกุลเกียรติ  ชั้นม.5/3  เลขที่2
                                                                                                      2.นางสาวคัคณางค์   ทิมธนสาร     ชั้นม.5/3   เลขที่14
                                                                                                      3.นางสาวจริยา          งามวงษ์       ชั้นม.5/3  เลขที่25
                                                                                                      4.นางสาวสุชัญญา     อุปพงษ์        ชั้นม.5/3  เลขที่33
                                                                                                                    วันที่  6 กันยายน 2556     ที่เสนอโครงงาน
4
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
                ในการทำโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง ทัศนธาตุ ผู้จัดทำศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องตามหัวข้อต่างๆดังนี้
1. ความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม
        2. หลักการออกแบบและจัดองค์ประกอบให้มีเอกภาพ 
3. การวาดภาพทัศนียภาพ
4. เอกภาพความกลมกลืนในงานปั้นและงานสื่อผสม
5. การออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ หรืองานกราฟิก
6. การสร้างสรรค์งานศิลปะไทยและวัฒนธรรมต่างๆ












5
2.1ความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม
        ศิลปะ (Art) คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นสิ่งที่แสดงออกของจินตนาการความรู้ ปัญญา และประสบการณ์ ศิลปะแบ่งออกได้ดังนี้
1.1ตามลักษณะของผลงาน
1.1.1จิตรกรรม ภาพพิมพ์ (Painting , Print)
1.1.2ประติมากรรม (Sculpture)
1.1.3สถาปัตยกรรม (Architecture)
1.1.4ดนตรี นาฏกรรม (Music , Drama)
1.1.5วรรณกรรม (Literature)
1.2ตามการรับสัมผัส
1.2.1ทัศนศิลป์ (Visual Art) รับสัมผัสทางการเห็น
1.2.2โสตศิลป์ (Aural Art) รับสัมผัสทางการได้ยิน
1.2.3โสตทัสนศิลป์ (Audio Visual Art) รับสัมผัสทางการเห็นและการได้ยินพร้อมกัน
     องค์ประกอบศิลป์ (Composition) เป็นการนำส่วนประกอบต่างๆ ของทัศนธาตุที่เรียกว่า ทัศนธาตุ มาประกอบให้เกิดผลและสื่อความหมายตามวัตถุประสงค์ องค์ประกอบศิลป์นับว่าเป็นแกนและโครงสร้างหลักของศิลปะทุกสาขา
1.ทัศนธาตุ (Visual Element)
        ทัศนธาตุ ( Visual Elements ) หมายถึง ส่วนประกอบของศิลปะที่มองเห็นได้ผลงานทางทัศนศิลป์ สามารถทำให้ผู้สัมผัสเกิดอารมณ์และความรู้สึกประทับใจได้นั้นแสดงถึงการสร้างสรรค์อย่างถูกต้องตามเกณฑ์ของการจัด อันเป็นพื้นฐานของความงามทางด้านศิลปะ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยๆ หรือที่นิยเรียกว่า  ทัศนธาตุของศิลปะ”(Element of Arts)  หรือหลักการจัดองค์ประกอบ สีและการใช้สี การจะนำเอาสิ่งดังกล่าวมา จัดรวมกัน ให้เกิดคุณค่าทางศิลปะได้นั้น จะต้องมีความรู้ความเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงคุณลักษณะความสำคัญ ความหมาย และการนำไปใช้  ซึ่งทัศนธาตุแต่ละอย่างก็จะให้คุณสมบัติและความรู้สึงแตกต่างกันไป



6
1.1จุด (Point)
จุด เป็นทัศนธาตุ พื้นฐานในการออกแบบทุกแขนง อาจเกิดจากการกด การแต้ม หรือเกิดจากธรรมชาติ จุดเมื่อนำมาสร้างสรรค์ และวางในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วจะทำให้เกิด องค์ประกอบอื่นๆขององค์ประกอบศิลป์ตามมา ลักษณะของจุดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.จุดที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ ได้แก่ จุดในส่วนของพืช เช่น ใบ ดอก ผล ลำต้น จุดในลายของสัตว์ เช่น แมว เสือ กวาง ผีเสื้อ เป็นต้น
http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/220/15220/images/2_Travel/8_CrocodileFarm/Tiger/4131.jpg
 2.จุดที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น ด้วยวิธีการกด แต้ม จิ้ม ด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่างๆเช่น ดินสอ ปากกา พู่กัน วัสดุปลายแหลม หรือเครื่องมืออื่นๆ
https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQvB4CBAUphbCji15woPmSrE3UrUL8biU-J83oFhBUPqHf345-B
7
1.2เส้น (Line)
เส้น คือ ร่องรอยที่เกิดจากเคลื่อนที่ของจุด  หรือถ้าเรานำจุดมาวางเรียงต่อ ๆ กันไปก็จะเกิดเป็นเส้นขึ้น  เส้นมีมิติเดียว  คือ  ความยาว ไม่มีความกว้าง ทำหน้าที่เป็นขอบเขตของที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก  สี   ตลอดจนกลุ่มรูปทรงต่างๆ  รวมทั้งเป็นแกนหรือโครงสร้างของรูปร่างรูปทรง
                เส้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญของงานศิลปะทุกชนิด เส้นสามารถให้ความหมาย แสดงความรู้สึก และอารมณ์ได้ด้วยตัวเอง และด้วยการสร้างเป็นรูปทรงต่าง ๆ ขึ้น  เส้นมี 2ลักษณะคือ เส้นตรง   (Straight Line) และ เส้นโค้ง   (Curve Line)  เส้นทั้งสองชนิดนี้เมื่อนำมาจัดวางในลักษณะต่าง ๆ กัน จะมีชื่อเรียกต่าง ๆ และให้ความหมาย ความรู้สึกที่แตกต่างกันอีกด้วย
               - เส้นนอน  ให้ความรู้สึกกว้างขวาง  เงียบสงบ  นิ่ง  ราบเรียบ  ผ่อนคลายสายตา
               - เส้นตั้ง  ให้ความรู้สึกสูงสง่า  มั่นคง  แข็งแรง  รุ่งเรือง
               - เส้นเฉียง  ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง  เคลื่อนไหว  รวดเร็ว  แปรปรวน
               - เส้นโค้ง  ให้ความรู้สึกอ่อนไหว  สุภาพอ่อนโยน  สบาย  นุ่มนวล  เย้ายวน
               - เส้นโค้งก้นหอย  ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว  การคลี่คลาย  ขยายตัว  มึนงง
               - เส้นซิกแซกหรือเส้นฟันปลา ให้ความรู้สึกรุนแรง ตื่นเต้น สับสนวุ่นวายและการขัดแย้ง
               - เส้นประ  ให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง  ไม่มั่นคง  ไม่แน่นอน 
32



8
1.3น้ำหนัก (value)
น้ำหนัก  คือ ค่าความอ่อนแก่ของบริเวณที่ถูกแสงสว่าง และบริเวณที่เป็นเงาของวัตถุหรือความอ่อน- ความเข้มของสีหนึ่ง ๆ หรือหลายสี เช่น สีแดง มีความเข้มกว่าสีชมพู   หรือ  สีแดงอ่อนกว่าสีน้ำเงิน  เป็นต้นนอกจากนี้ยังหมายถึงระดับความเข้มของแสงและระดับ ความมืดของเงา ซึ่งไล่เรียงจากมืดที่สุด (สีดำ)ไปจนถึงสว่างที่สุด (สีขาว) น้ำหนักที่อยู่ระหว่างกลางจะเป็นสีเทา ซึ่งมีตั้งแต่เทาแก่ที่สุด จนถึงเทาอ่อนที่สุด   การใช้ค่าน้ำหนักจะทำให้ภาพดูเหมือนจริง และมีความกลมกลืน ถ้าใช้ค่าน้ำหนักหลาย ๆ  ระดับ
จะทำให้มีความกลมกลืนมากยิ่งขึ้น และถ้าใช้ค่าน้ำหนักจำนวนน้อยที่แตกต่างกันมากจะทำให้เกิด ความแตกต่าง ความขัดแย้ง
      แสงและเงา (Light & Shade) เป็นองค์ประกอบของศิลป์ที่อยู่คู่กันแสง เมื่อส่องกระทบ กับวัตถุ จะทำให้เกิดเงา  แสงและเงา เป็นตัวกำหนดระดับของค่าน้ำหนัก  ความเข้มของเงาจะขึ้นอยู่กับความเข้มของแสง  ในที่ที่มีแสงสว่างมาก เงาจะเข้มขึ้น     และในที่ที่มีแสงสว่างน้อย เงาจะไม่ชัดเจน ในที่ที่ไม่มีแสงสว่างจะไม่มีเงา และเงาจะอยู่ในทางตรงข้ามกับแสงเสมอ  ค่าน้ำหนักของแสงและเงานที่เกิดบนวัตถุ  สามารถจำแนกเป็นลักษณะที่ต่าง ๆ ได้ดังนี้
    1. บริเวณแสงสว่างจัด  (Hi-light)  เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดแสงมากที่สุด  จะมีความสว่างมากที่สุด ในวัตถุที่มีผิวมันวาวจะสะท้อนแหล่งกำเนิดแสงออกมาให้เห็นได้ชัด
    2. บริเวณแสงสว่าง  (Light) เป็นบริเวณที่ได้รับแสงสว่าง รองลงมาจากบริเวณแสงสว่างจัด เนื่องจากอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงออกมา และเริ่มมีค่าน้ำหนักอ่อน ๆ
    3. บริเวณเงา (Shade)  เป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงสว่าง  หรือเป็นบริเวณที่ถูกบดบังจากแสงสว่าง ซึ่งจะมีค่าน้ำหนักเข้มมากขึ้นกว่าบริเวณแสงสว่าง
    4. บริเวณเงานเข้มจัด (Hi-Shade) เป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงมากที่สุด หรือเป็นบริเวณที่ถูกบดบังมาก ๆ หลาย ๆ ชั้น จะมีค่าน้ำหนักที่เข้มมากไปจนถึงเข้มที่สุด
    5. บริเวณเงาตกทอด เป็นบริเวณของพื้นหลังที่เงาของวัตถุทาบลงไป เป็นบริเวณเงาที่อยู่ภายนอกวัตถุ และจะมีความเข้มของค่าน้ำหนักขึ้นอยู่กับ ความเข้มของเงา น้ำหนักของพื้นหลัง ทิศทางและระยะของเงา 
 9
    ความสำคัญของค่าน้ำหนัก
    1. ให้ความแตกต่างระหว่างรูปและพื้น หรือรูปทรงกับที่ว่าง
    2. ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว
    3. ให้ความรู้สึกเป็น 2 มิติ แก่รูปร่าง และความเป็น 3 มิติแก่รูปทรง
    4. ทำให้เกิดระยะความตื้น - ลึก และระยะไกล้ - ไกลของภาพ
    5. ทำให้เกิดความกลมกลืนประสานกันของภาพ
คำจำกัดความของน้ำหนัก
1.ทําใหเกิดบริเวณมืดและสว่างของภาพ
capture-20130829-175121.png

10
capture-20130829-175153.png
capture-20130829-175212.png

11
2.ทําใหเกิดความอ่อนแก่ของสีเทาลำดับต่างๆจากดํามาหาขาว
capture-20130829-175233.png
capture-20130829-175334.png

12
capture-20130829-175740.png
capture-20130829-175255.png

13
คุณลักษณะของน้ำหนัก
1.มี2มิติคือความกวางและความยาว
2.มีทิศทาง
3.มีลักษณะตางๆเชนเดียวกับเสน คือยาวสั้น เปนคลื่น ฯลฯ
4.มีรูปราง ไดแกกลมเหลี่ยม(รูปทรงเรขาคณิต)อิสระ(รูปทรงธรรมชาติ)
5.มีความออนแก
6.มีลักษณะผิวตางๆ (ภาพประกอบดานลาง)
capture-20130829-180011.png





14
หนาที่ของน้ำหนัก
1.ใหความแตกตางระหวางรูปกับพื้นหรือรูปทรงกับที่ว่าง
capture-20130829-180043.png
capture-20130829-180120.png
15
capture-20130829-180156.png







16
2.ใหความรูสึกเคลื่อนไหวดวยการนําสายตาของผูดูบริเวณที่น้ำหนักตัดกันจะดึงดูดความสนใจ และถามีบริเวณที่น้ำหนักตัดกันหลายแหง จะนําสายตาใหเคลื่อนจากบริเวณหนึ่งไปอีกบริเวณหนึ่งตามจังหวะที่ศิลปนกําหนดไว้
capture-20130829-180228.png


17
3.ใหความเปน 2มิติแกรูปทรง
capture-20130829-180327.png
capture-20130829-180953.png
18
4.ใหความเปน 3มิติแกรูปทรง
capture-20130829-181019.png
capture-20130829-181059.png
19
5.ใหความลึกในภาพ
capture-20130829-181134.png
capture-20130829-181214.png capture-20130829-181226.png
20
1.4พื้นผิว (Texture)
      พื้นผิว คือ ลักษณะ บริเวณผิวของสิ่งต่างๆซึ่งสามารถสัมผัส จับ หรือ มองเห็นด้วยสายตาและทำให้เกิดความรู้สึกถึงลักษณะของพื้นผิวนั้นๆ พื้นผิวอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือมนุษย์สร้างขึ้นก็ได้ พื้นผิวที่ต่างกันย่อมทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
                1. พื้นผิวที่สัมผัสได้ด้วยมือ หรือกายสัมผัส เป็นลักษณะพื้นผิวที่เป็นอยู่จริง ๆ ของ 
   ผิวหน้าของวัสดุนั้น ๆ   ซึ่งสามารถสัมผัสได้จากงานประติมากรรม งานสถาปัตกรรม 
   และสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ 
                 2. พื้นผิวที่สัมผัสได้ด้วยสายตา จากการมองเห็นแต่ไม่ใช่ลักษณะที่แท้จริงของผิว 
  วัสดุนั้น ๆ เช่น การวาดภาพก้อนหินบนกระดาษ   จะให้ความรู้สึกเป็นก้อนหินแต่ 
  มือสัมผัสเป็นกระดาษ  หรือใช้กระดาษพิมพ์ลายไม้ หรือลายหินอ่อน  เพื่อปะ  ทับ 
  บนผิวหน้าของสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น ลักษณะเช่นนี้ถือว่า    เป็นการสร้างพื้นผิวลวงตา 
  ให้สัมผัสได้ด้วยการมองเห็นเท่านั้น 
  
                พื้นผิวลักษณะต่าง ๆ จะให้ความรู้สึกต่องานศิลปะที่แตกต่างกัน พื้นผิวหยาบจะ 
  ให้ความรู้สึกกระตุ้นประสาท หนักแน่น มั่นคง แข็งแรง ถาวร    ในขณะที่ผิวเรียบ 
  จะให้ความรู้สึกเบา สบาย การใช้ลักษณะของพื้นผิวที่แตกต่างกัน  เห็นได้ชัดเจน 
  จากงานประติมากรรม และมากที่สุดในงานสถาปัตยกรรมซึ่งมีการรวมเอาลักษณะ 
  ต่าง ๆ กันของพื้นผิววัสดุหลาย ๆ อย่าง   เช่น อิฐ  ไม้ โลหะ  กระจก  คอนกรีต หิน 
  ซึ่งมีความขัดแย้งกันแต่สถาปนิกได้นำมาผสมกลมกลืนได้อย่างเหมาะสม ลงตัวจน 
  เกิดความสวยงาม 
http://www.siam1.net/attachment/Mon_1101/177_11_a7ee06f37a19f9a.jpg
21
1.5สี (Colour)
     สี คือสีเป็นปรากฏการณ์ของแสงที่ส่องกระทบวัตถุ สะท้อนเข้าสู่ตามนุษย์  ถ้าไม่มีแสงจะมองไม่เห็นสี สีแต่ละสีที่มีอยู่ในวัตถุต่าง ๆ มีผลต่อความรู้สึก นึกคิด ของมนุษย์ เช่น
สีแดง กล้าหาญ อันตราย เร้าใจ สะดุดตา                   สีเหลือง สว่างที่สุด บริสุทธิ์ แจ่มใส เลื่อมใส
สีน้ำเงิน สงบ สุขุม สันติภาพ ภูมิฐาน                        สีเขียว ความหวัง สดชื่น ชุ่มชื่น ร่มเย็น
สีม่วง ร่ำรวย โอ่อ่า งอกงาม                                       สีส้ม ร้อนแรง สนุกสนาน รื่นเริง เปรี้ยว
สีขาว สะอาด บริสุทธิ์ กระจ่างแจ้ง มั่นคง เบา           สีดำ เศร้า ความตาย
1.5.1วรรณะของสี( Tone )
        วรรณะของสี ( Tone ) หรือ ช่องไฟ คือ ระดับความเข้มที่แตกต่างกันของสีหรือค่าความอ่อนแก่ของสี ไล่ระดับกันไป เช่น ดำ เทาเข้ม เทากลาง – เทาอ่อน ขาว โทนก็มีผลต่อความรู้สึกคล้ายกับสีนั่นเอง เพียงแต่จะละเอียดอ่อนมากขึ้น มีค่าความแตกต่างกันเล็กน้อย  แต่มีผลต่อความรู้สึก นึกคิด ของมนุษย์ เช่น
       1. วรรณะสีร้อน ( Warm Tone ) ประกอบด้วยสีเหลือง สีส้มเหลือง สีส้ม สีส้มแดง สีม่วงแดง และสีม่วง   สีในวรรณะร้อนนี้จะเป็นสีที่ค่อนข้างไปทางสีแดงหรือสีส้มถ้าสีใดสีหนึ่งค่อนข้างไปทางสีแดงหรือสีส้ม เช่นสีน้ำตาล สีเทาอมแดง ก็ให้ถือว่าเป็นสีวรรณะร้อน ให้ความรู้สึกร้อนแรง
       2. วรรณะสีเย็น ( Cold Tone ) ประกอบด้วย สีเหลือง สีเขียวเหลือง สีเขียว สีเขียวน้ำเงิน
        สีน้ำเงิน สีม่วงน้ำเงิน และสีม่วง ส่วนสีอื่นๆ ถ้าหนักไปทางสีน้ำเงินและสีเขียวก็เป็นสีวรรณะเย็นดังเช่น สีเทา สีดำ สีเขียวแก่ เหล่านี้เป็นต้น ให้ความรู้สึกเย็นสบาย
colors1
22
2.หลักการออกแบบและการจัดองค์ประกอบให้มีเอกภาพ
2.1หลักการออกแบบ
        การออกแบบ คือ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ถ่ายทอดความคิด หรือการดัดแปลงสิ่งที่มีอยุ่แล้วให้เป็นสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม หรือมีความแปลกใหม่ขึ้น การออกแบบต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ โดยอาจได้ความบันดาลใจจากธรรมชาติ กิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
       การออกแบบในงานทัศนศิลป์ คือ การนำส่วนประกอบสำคัญทางทัศนศิลป์มาจักองค์ประกอบเข้าด้วยกันโดยมีจุดมุ่งหมาย มีการคำนึงความหมายของผลงาน ด้วยการอาศัยหลักการจัดองค์ประกอบ เพื่อนสื่อสารความคิด อารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้ชม
       การออกแบบกับพื้นที่ คือ การจัดวางรูปควรคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ให้มีขนาดพอดี ไม่ให้รูปเล็กหรือใหญ่จนเกินไป เพื่อนที่สามารถจะมองเห็นผลงานโดยรวมได้อย่างชัดเจนและสวยงาม ตามสัดส่วนพื้นที่ว่างและพื้นที่รูป
2.1.1การจัดองค์ประกอบ
        การจัดองค์ประกอบ คือ การนำสิ่งของ วัตถุต่างๆ มาวางหรือประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความงามและความน่าสนใจ การจัดองค์ประกอบสามารถแบ่งออกเป็น 5 ลักษณะ ดังนี้
2.1.1.1 การจัดแบบบน-ล่าง
1298560142




23
2.1.1.2 การจัดแบบซ้าย-ขวา
http://preede.files.wordpress.com/2011/09/clip_13.jpg

2.1.1.3 การจัดแบบตรงกลาง
ANd9GcRyZs-cgnljEL3b38VZm4I_2MJnPvSpbxIYExcVHAmmXCJbHug5jA



24
2.1.1.4 การจัดแบบกระจาย
P002283

2.1.1.5 การจัดแบบรวมกัน
P000141




25
3.หลักการจัดองค์ประกอบ
3.1 ความสมดุล (Balance)
       ความสมดุล  คือ ความเท่ากันตามความรู้สึกระหว่าง 2 ส่วน ความสมดุลแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ
3.1.1  ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซ้ายขวาเหมือนกัน 
  คือ การวางรูปทั้งสองข้างของแกนสมดุล    เป็นการสมดุลแบบธรรมชาติลักษณะแบบนี้ใน 
  ทางศิลปะมีใช้น้อย ส่วนมากจะใช้ในลวดลายตกแต่ง ในงานสถาปัตยกรรมบางแบบ หรือ 
  ในงานที่ต้องการดุลยภาพที่นิ่งและมั่นคงจริง ๆ 
http://www.maceducation.com/e-knowledge/2414313120/02_files/4.jpg

http://www.bpsthai.org/BPS_Images/PhotoTechnic/PhotoTip/PhotoTip_Sec08/PhotoTip_02.jpg     dthb954WatTraimit
26
3.1.2 ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) หรือ ความสมดุลแบบซ้ายขวาไม่เหมือน 
  กัน มักเป็นการสมดุลที่เกิดจาการจัดใหม่ของมนุษย์   ซึ่งมีลักษณะที่ทางซ้ายและขวาจะไม่ 
  เหมือนกัน ใช้องค์ประกอบที่ไม่เหมือนกัน  แต่มีความสมดุลกัน   อาจเป็นความสมดุลด้วย 
  น้ำหนักขององค์ประกอบ หรือสมดุลด้วยความรู้สึกก็ได้  การจัดองค์ประกอบให้เกิดความ 
  สมดุลแบบอสมมาตรอาจทำได้โดย    เลื่อนแกนสมดุลไปทางด้านที่มีน้ำหนักมากว่า   หรือ 
  เลื่อนรูปที่มีน้ำหนักมากว่าเข้าหาแกน  จะทำให้เกิดความสมดุลขึ้น หรือใช้หน่วยที่มีขนาด
  เล็กแต่มีรูปลักษณะที่น่าสนใจถ่วงดุลกับรูปลักษณะที่มีขนาดใหญ่แต่มีรูปแบบธรรมดา

http://www.prc.ac.th/newart/web_pic2/pic_h015.jpgImage


















27
3.2ความกลมกลืน – ความขัดแย้ง
      ความกลมกลืน (Harmony) คือ การที่ส่วนประกอบทางทัศนศิลป์มีความคล้ายกัน เหมือนกัน หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างลงตัว
ANd9GcRvKTLlr1mZ1yWuz1Dclap2l_Kswj11RztQTz84Yt1zPES_EZv-ZA

http://www.ipesk.ac.th/ipesk/VISUALART/lesson341_files/Compo005.jpg






28
      ความขัดแย้ง(Contrast) คือ การขัดกัน ไม่เข้ากัน แตกต่างกัน ของส่วนประกอบต่างๆ ในผลงาน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiqkhEBdosypIhDlPwR68GCoGk27sf3CGfcFmsk3gKhT1wW-vdapx9BY7gphbS3UOXCUBzcRHtMUu_7ILD7IUrJxrddIEWAZHzgJXFDeWDxYTkP9dodJHf3ujYzz3IxM-b-Ep3nhGxK7g/s1600/Contrast+on+street.jpeg


http://www.prc.ac.th/newart/web_pic4/pic_gr0055.jpg



29
3.3 เอกภาพ (Unity)
        เอกภาพ หมายถึง การประกอบกันของส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขึ้นอย่างสมบูรณ์ เอกภาพ คือ กฎของความสมดุล  กฎการรวมตัวกัน มีระเบียบ จากส่วนที่ใหญ่ที่สุด จนกระทั่งส่วนที่เล็กที่สุด ล้วนอยู่ในกฎของเอกภาพอันเดียวกัน มีโครงสร้างเป็นอย่างเดียวกัน
       เอกภาพในทางทัศนศิลป์ เกิดจากการนำส่วนปนะกอบทางทัศนธาตุมารวมกันหรืออยู่ด้วยกันแล้วทำให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความสัมพันธ์กัน หรือเชื่อมโยงกันในภาพรวมของผลงานโดยไม่แตกแยกกัน
3.3.1 รูปร่าง (Shape)
        รูปร่าง คือ พื้นที่ที่เกิดจากการนำเส้นมาประกอบกัน มี 2 มิติ คือ ความกว้างและความยาว แบ่งเป็น 3 ประเภท
3.3.1.1รูปเรขาคณิต (Geometic Shape) เป็นรูปร่างที่มีความแน่นอน สามารถวัดหรือคำนวณได้
http://www.pilok4u.com/history/wp-content/uploads/2011/05/geometric1.jpg
3.3.1.2รูปอินทรีย์ (Organic Shape) เป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงหรือเจริญเติบโต
http://dc402.4shared.com/doc/jI7bGjkt/preview_html_m5bb39e11.gif

30
3.3.1.3รูปอิสระ (Free Shape) เป็นรูปร่างที่ไม่มีความแน่นอน ชัดเจน เปลี่ยนไปตามอิทธิพลของการกระทำหรือสิ่งแวดล้อม
http://www.prc.ac.th/newart/web_pic4/form03.jpg
3.3.2 รูปทรง (Form)
        รูปทรง คือ สิ่งที่มีความหนาทึบ มีลักษณะเป็น 3 มิติ มีความยาว ความกว้าง ความลึก และลักษณะอื่นๆ
3.3.2.1รูปทรงเรขาคณิต (Geometic Shape) เป็นรูปร่างที่มีความแน่นอน สามารถวัดหรือคำนวณได้
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT7pvScAbExBuTgp-qTrkg2r20IZjTq5EA8WU7e11OKf0EFhcK6







31
3.3.2.2รูปทรงอินทรีย์ (Organic Shape) เป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงหรือเจริญเติบโต
3.3.2.3รูปทรงอิสระ (Free Shape) เป็นรูปร่างที่ไม่มีความแน่นอน ชัดเจน เปลี่ยนไปตามอิทธิพลของการกระทำหรือสิ่งแวดล้อม
3.3.3ระนาบ (Plane)
        ระนาบ คือ พื้นที่ราบเรียบที่แผ่ขยายออกไป มี 2 มิติ คือความกว้างและความยาว
3.3.3.1 ระนาบในทางลึก (Distance Plane) หมายถึง แผ่นราบที่ตั้งฉากกับสายตา หรือขนานกับพื้นผิวของภาพ ทั้งซ้อนกันจนเห็นเป็นระยะลึกเข้าไปในภาพ
http://vichakarn.triamudom.ac.th/comtech/studentproject/art/3/ARTS_WEB/%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A12.jpg https://sites.google.com/site/5204034rsu/arc120xx/5204034_04-1/222254515284.jpg?attredirects=0
3.3.3.2 ระนาบที่แสดงทิศทาง (Directional Plane) หมายถึง แผ่นราบที่มีพื้นผิวเอียงเฉ ไปตามทิศทางไม่ตั้งฉากกับสายตา
3.3.4 กฎเกณฑ์หลักของเอกภาพ
      1. การขัดแย้ง (Opposition) คือ การตรงกันข้าม ตัดกัน แตกต่างกัน มีลักษณะทิศทางหรือที่ตั้งตรงกันข้าม
     2. การรวมตัวกลมกลืน (Transition) คือ การรวมตัวอย่างเข้ากัน เป็นไปได้ในทิศทางเดียวกัน
3.3.5 กฎเกณฑ์รองของเอกภาพ
      1. ความเป็นเด่น (Dominance) คือ ส่วนที่เป็นจุดสนใจ ดึงดูดใจ การรวมสิ่งต่างๆเป็นหมู่เป็นก้อน
      2. ความเปลี่ยนแปร (Variation) คือ การค่อยๆเปลี่ยน สร้างความต่างออกไปทีละน้อย



32
3.3.6 เอกภาพของเส้น 
         เส้นตั้งกับเส้นนอนถ้าตัดกัน ให้ความรู้สึกขัดแย้งรุนแรง แต่ถ้ามีเส้นเฉียงเข้าไปช่วย เอกภาพก็จะมีมากขึ้น หรือไม่ก็กระจายความขัดแย้งนั้นไปทั่วภาพเพื่อคลายความเด่นชัดรุนแรง
3.3.7 เอกภาพของน้ำหนัก
        1.การใช้น้ำหนักต่างที่อยู่ระหว่าง 2 ขั้ว คือ ดำกับขาวนั้นเป็นตัวกลาง ตัวประสานที่เข้ากับสีดำก็ได้ และเข้ากับสีขาวก็ได้ ก็คือเทา
        2. การแบ่งขาวและดำออกเป้นส่วนย่อยๆกระจายซ้ำๆกันให้ทั่วภาพ ให้พื้นที่ว่างเป้นผู้ละลายความขัดแย้งนั้นลง
3.3.8 เอกภาพของสี
         เป็นความกลมกลืนกันของความเป็นสีHue หรือความเข้มของสี เราสามารถใช้สีที่ตัดกันอย่างรุนแรงให้อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืนหรือมีเอกภาพมากขึ้นโดยการลดค่าความจัดของสีลง
3.3.9 เอกภาพของพื้นผิว
         ลักษณะของพื้นผิวมีหลายลักษณะ มีทั้งที่ลักษณะคล้ายกัน  ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เราสามารถที่จะทำให้พื้นผิวมีความเป็นเอกภาพได้ เช่น การใช้พื้นผิวที่ค่อยๆมีความต่างกันออกไปทีละน้อย
3.3.10 การเป็นเด่น (Dominance)  มี 2 ลักษณะ คือ 
             1.1 ความเป็นเด่นที่เกิดจากการขัดแย้ง ด้วยการเพิ่ม หรือลดความสำคัญ   ความน่าสนใจในหน่วยใดหน่วยหนึ่งของคู่ที่ขัดแย้งกัน 
             1.2 ความเป็นเด่นที่เกิดจากการประสาน
3.3.11.การซ้ำกัน (Repetition)
        เป็นวิธีการที่ใช้มากและได้ผลมากที่สุดในการสร้างเอกภาพทางสายตา คือ การซ้ำ
http://photo.sadoodta.com/files/images/watprakaew-073.preview.jpg


33
3.3.12จุดสนใจ (Point of Interest)
        จุดสนใจ หรือเรียกว่าจุดเด่นของภาพ ในงานศิลปะจำเป็นต้องมีจุดเด่นของภาพเพื่อสื่อให้ผู้ดูรู้ว่าภาพเกี่ยวกับอะไร และอะไรเป็นส่วนสำคัญของภาพ จุดเด่นในภาพจึงมีความสำคัญชัดเจน สะดุดตามากกว่าส่วนสำคัญของภาพ จุดเด่นในภาพจึงมีความสำคัญชัดเจนสะดุดตามากกว่าล่วนอื่น ๆ การเน้น จุดเด่นในภาพ อาจใช้สีสดใส ใช้ขนาดของรูปร่างทรงให้ใหญ่กว่าส่วนอื่น หรือเพิ่มแสงสว่างบริเวณจุดเด่นให้มากขึ้น ฯลฯ โดยปกติภาพแต่ละภาพจะมีจุดเด่นเพียง 1 จุดและอยู่ บริเวณกลางภาพ
20080911154107

http://dc405.4shared.com/doc/sZVIJVD0/preview_html_m3953be29.jpg
34
4.การวาดภาพทัศนียภาพ
4.1ภาพหุ่นนิ่ง (Still – Life)
         ภาพหุ่นนิ่ง (Still – Life) คือ การวาดภาพตามแบบที่เห็น โดยการนำวัตถุสิ่งของที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มาจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่สายตาสามารถมองเห็นได้อย่างจัดเจน มีการจัดแสง-เงาให้สามารถเห็นว่าแสงเข้าทางด้านใด
4.2ภาพทิวทัศน์ (Landscape)
ภาพทิวทัศน์ (Landscape) คือ การวาดภาพเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งในเมืองและชนบท หรือ ภาพธรรมชาติ เช่น ทะเล ภูเขา
- ทิวทัศน์ในเมือง โดยทั่วไปแล้วจะเป็นภาพเกียวกับสิ่งก่อสร้าง เช่น อาคาร บ้านเรือน ซึ่งอาจมีธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ หรือ สิ่งมีชีวิตเข้ามาแล้วช่วยทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวา และ ไม่น่าเบื่อจนเกินไป การวาดภาพอาคาร หรือบ้านเรือนจะมีความสมบูรณ์สวยงามได้นั้นต้องมีเรื่องทัศนียภาพเข้ามาช่วย คือ ผู้วาดต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักของทัศนียภาพโดยรวมก่อนนั่นเอง
              - ทิวทัศน์ในธรรมชาติ ผู้วาดจะถ่ายทอดความรู้สึกและบรรยากาศของสถานที่นั้นออกมาเป็นภาพผลงานที่สามารถสัมผัสได้ เช่น ทิวทัศน์ทางทะเล ทิวทัศน์เกี่ยวกับทุ่งนา ป่าเขา
25uu5




35
4.3ทัศนียภาพ (Perspective)
              ทัศนียภาพ (Perspective) คือ การแสดงภาพ 2 มิติให้มองเห็นเป็นลักษณะ 3 มิติ ทำให้ภาพมีความลึกเกิดระยะใกล้-ไกล ในภาพ ทัศนียภาพสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.               ทัศนียภาพบรรยากาศ (Atmospheric Perspective)
2.               ทัศนียภาพที่เกิดจากเส้น (Linear Perspective)
                  - ทัศนียภาพบรรยากาศ (Atmosspheric Perspective) เป็นทัศนียภาพที่เกิดจากการใช้น้ำหนักอ่อน-แก่เพื่อให้เกิดระยะตื้น ลึก เลียนแบบสิ่งที่เรามองเห็นในธรรมชาติ คือ สิ่งที่อยู่ใกล้จะมีสีเข้มกว่า ชัดกว่า ถ้าอยู่ในระยะไกลออกไปก็จะมีสีที่อ่อน
มีรายละเอียดลดลง
               - ทัศนียภาพที่เกิดจากเส้น (Linear Perspective) เป็นทัศนียภาพที่ใช้เส้นแสดงระยะทางใกล้-ไกล ตื้น-ลึก กล่าวคือ วัตถุที่อยู่ใกล้กว่าจะมีขนาดใหญ่กว่า และเมื่อไกลออกไปก็จะมีขนาดเล็กลงตามลำดับ
ANd9GcR288o1u7lw8cEQO3sYGVEfBI_iFRa7TIN7cKy0Qsj0dF6lhRYb 

 IMG_2131_1

36 
4.4เส้นระดับสายตา (Horizontal Line) คือเส้นแนวนอนที่อยู่ในระดับเดียวกับสายตาของผู้วาดภาพ เช่น เส้นที่แบ่งระหว่างพื้นดินกับท้องฟ้า หรือ ผืนน้ำกับท้องฟ้าในภาะทิวทัศน์ทะเล ทั้งนี้สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มวาดภาพทิวทัศน์ในระยะแรกอาจใช้แผ่นส่องภาพมาช่วย จะทำให้ทราบตำแหน่งของเส้นระดับสายตา

image010

4.5การใช้แผ่นส่องภาพ (View Finder) ซึ่งสามารถทำได้เองจากกระดาษแข็งสีทึบ โดนตัดช่องกึ่งกลางกระดาษเป็นรูปสี่  เหลียม
พื้นผ้า จากนั้นติดด้วยด้วยสีแดงหรือสีดำเป็นรูปเครื่องหมายบวก เส้นแนวนอนตรงกลางจะช่วยให้เราทราบตำแหน่งเส้นระดับสายตา

4.6จุดรวมสายตา (Vanishing Point) หมายถึง จุดที่วางอยู่บนเส้นระดับสายตา เกิดจากการลากเส้นแนวนำสายตาไปรวมอยู่ที่จุดจุดหนึ่ง ทำให้ภาพเกิดระยะใกล้-ไกล ภาพจะมีขนาดเล็กลงเมื่อใกล้กับจุดรวมสายตา
    - จุดรวมสายตา 1 จุด (One Point Perspective) คือ การเขียนภาพโดนกำหนดให้มีจุดรวมสายตาที่อยู่บนเส้นระดับสายตาเพียงจุดเดียว
     -  จุดรวมสายตา 2 จุด   (Two point  Perspective) คือ การเขียนภาพโดยกำหนดให้มีจุดรวมสายตาไว้ 2 จุด อยู่บนเส้นระดับสายตา








37
5.เอกภาพ ความกลมกลืนในงานปั้น และงานสื่อผสม
5.1งานประติมากรรม (Sculpture)
            ประติมากรรม เป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งในทัศนศิลป์ ที่แสดงออกถึงความรู้สึกจากการสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว หรือจากจินตนาการ   มาสร้างสรรค์เป็นผลงานในลักษณะรูปทรง 3 มิติ คือ มีความกว้าง  ความยาว   และความหนา โดยการปั้น การแกะสลัก การหล่อ หรือการนำเอาส่วนประกอบย่อยมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นผลงาน
http://statics.atcloud.com/files/comments/61/612867/images/1_display.jpg    P9-26









38
5.1.1วิวัฒนาการของประติมากรรมในประเทศไทย
1.ประติมากรรมไทยแบบดั้งเดิม   เป็นผลงานที่สร้างสรรค์สืบต่อกันมา ตั้งแต่ยุคสมัยต่างๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาพระมหากษัตริย์ และเรื่องราวจากคติความเชื่อของไทย ลักษณะผลงานจะแตกต่างไปตามค่านิยมและอุดมคติในแต่ละสมัย แบ่งงเป็น 2 ประเภท คือ
     1.1ประติมากรรมรูปร่างจากคน ได้แก่ เทวรูป  พระพุทธรูป   รูปปั้นเทวดา มักสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ ปูนปั้น ดินเผา และไม้ เป็นต้น
       1.2  ประติมากรรมตกแต่ง ได้แก่ โบสถ์ วิหาร  เช่น  บัวหัวเสา   ภาพปั้นนูน
http://img.tarad.com/shop/t/thaiartcollection/img-lib/spd_20110128184518_b.JPG

http://gplace.com/include/img_comment/5/53/gp4fbb6269156ae.jpg
39
2.ประติมากรรมไทยแบบร่วมสมัย  เป็นผลงานที่ได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมและความเจริญแบบตะวันตก ที่เข้มาในประเทศไทย เช่น อนุสาวรีย์ ประติมากรรมประดับอาคาร สวน น้ำพุ อาคารต่างๆ
http://sv6.postjung.com/picpost/data/137/137602-1-5954.jpg
5.1.2ประเภทของงานประติมากรรม
       1.ประเภทนูนต่ำ Bas Relief  เป็นการปั้นหรือสลักโดยให้ภาพที่นูนขึ้นจากพื้นหลังเพียงเล็กน้อย อาศัยเงาและแสงช่วยให้เกิดการสูงต่ำในการมองเห็น  เช่น รูปบนเหรียญ
http://www.m-culture.go.th/pic_thumbnail/thumb180810103238.jpg       http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK14/pictures/s14-114-4.jpg




40
2.ประเภทนูนสูง High Relief   เป็นการปั้นหรือสลักโดยให้ภาพที่นูนขึ้นจากพื้นหลังมากขึ้น   เป็นรูปที่สามารถแสดงความตื้นลึกตามความเป็นจริง

http://www.bloggang.com/data/moonfleet/picture/1294465850.jpg

             3. ประเภทลอยตัว Round Relief   ได้แก่  ประติมากรรมที่ปั้น หล่อ หรือแกะสลักขึ้นเป็นรูปร่างลอยตัวมองได้รอบด้าน ไม่มีพื้นหลัง เช่น รูปประติมากรรมที่เป็นอนุสาวรีย์ประติมากรรมรูปเหมือน และพระพุทธรูปลอยตัวสมัยต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงประติมากรรมสำหรับประดับตกแต่ง เป็นต้น ประติมากรรมประเภทลอยตัวของไทยที่รู้จักกันดี คือ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ โดยเฉพาะพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปคลาสิคของไทยนั้นนับเป็นประติมากรรมลอยตัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดของไทย
                 ประติมากรรมประเภทนี้สร้างมากในสมัยปัจจุบัน คือ อนุสาวรีย์และรูปเคารพหรือพระบรมรูปของเจ้านายชั้นสูง เช่น อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช







41
5.2         ลักษณะของงานประติมากรรม
       1.การปั้น  Modelling   หมายถึง  การนำเอาวัสดุที่มีเนื้ออ่อน  เช่น  ขี้ผึ้ง  ดินเหนียว  ดินน้ำมีมัน  ที่สามารถเปลี่ยนรูปได้  มาผ่านกระบวนการในการเพิ่มวัสดุให้เกิดเป็นรูปทรงตามต้องการ  โดยใช้มือและวัสดุอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ช่วยในการสร้างงานปั้น  นอกจากนี้  งานปั้นยังเป็นงานศิลปะที่สามารถสัมผัสกับส่วนตื้น  ลึก  หนา  บางได้ตามความเป็นจริง  ไม่เหมือนงานจิตรกรรมที่มีลักษณะเป็น   มิติ  ที่ผู้ชมจะสัมผัสกับความตื้นลึก หนา  หรือบางได้จากความรู้สึกเท่านั้น
http://www.feelygung.com/wp-content/uploads/2012/04/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2.jpg

        2.การแกะสลัก  หมายถึง การสกัด เจียร ถาก ตัด แต่ง ดุน ขูด หรือขีดวัสดุบางชนิด ให้เกิดสิ่งประดิษฐ์หรือลวดลายที่สวยงามตามที่ออกแบบสร้างสรรค์ไว้ มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นงานศิลปะหรืองานตกแต่ง
http://g2.s1sf.com/3/11/jpg/89/1787502.jpg


42
         3.การหล่อ  หมายถึง  การนำเอาวัสดุที่เป็นของเหลวเทลงไปในแม่พิมพ์ ให้วัสดุเหลวนั้นเกาะยึดผิวด้านในของแม่พิมพ์ให้ทั่ว เมื่อวัสดุนั้นจับตัวกันเป็นของแข็ง แกะแม่พิมพ์ออก รูปที่ปรากฏให้เห็นจะมีความเหมือนกับรูปต้นแบบ แต่เป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่ง เราเรียกผลงานใหม่ว่า รูปหล่อ
         4.การเชื่อม  หมายถึง  การต่อโลหะ 2 ชิ้นให้ติดกันโดยการให้ความร้อนแก่โลหะจนหลอมละลาย ติดเป็นเนื้อเดียวหัน หรือโดยการเติมลวดเชื่อมเป็นตัวให้ประสาน
          5.การสร้างสรรค์แบบสื่อผสม  หมายถึง  สื่อประสมในปัจจุบันจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการเสนอสารสนเทศในรูปแบบรวมของข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพกราฟิกเคลื่อนไหว และภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์ เพื่อรวมเป็นองค์ประกอบของสื่อประสมในลักษณะของ "สื่อหลายมิติ"


5.3สื่อผสมและศิลปะแนวจัดวาง  (Mixed Media and Installation Art)    
              สื่อผสมและศิลปะแนวจัดวาง ( Mixed Media and Installation Art )   หมายถึง    ประเภทของงานศิลปะที่มีที่ตั้งเฉพาะจุด, เป็นงานสามมิติ ที่ออกแบบเพื่อที่จะแปรสภาพการรับรู้ของสิ่งแวดล้อม (perception of a space)
โดยทั่วไปแล้ว ศิลปะจัดวางจะหมายถึงศิลปะภายในตัวสิ่งก่อสร้าง ถ้าตั้งอยู่ภายนอกก็มักจะเรียกว่า ศิลปะภูมิทัศน์” (Land art)
               และศิลปะสองประเภทนี้คาบเกี่ยวกัน ศิลปะจัดวางอาจจะเป็นได้ทั้งศิลปะที่ติดตั้งอย่างถาวรหรือเพียงชั่วคราวก็ได้ ศิลปะจัดวางได้รับการติดตั้งในการแสดงงานนิทรรศการศิลปะ เช่นในพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ หรือในบริเวณทั้งที่เป็นของส่วนบุคคลและของสาธารณชน ประเภทของงานก็ครอบคลุมตั้งแต่การใช้วัสดุที่พบโดยทั่วไป ที่มักจะเลือกสรรจากวัสดุที่ทำให้มีความกระทบอารมณ์ รวมไปถึงวัตถุสมัยใหม่เช่นวิดีโอ, เสียง, การแสดง, ความเสมือนจริงแบบดื่มด่ำ (Immersive virtual reality) และอินเทอร์เน็ต ศิลปะจัดวางหลายชิ้นเป็นศิลปะเฉพาะที่ (Site-Specific Art) ซึ่งหมายความว่าเป็นงานที่ออกแบบให้ติดตั้งตรงตำแหน่งหรือสถานที่ที่สร้างงานศิลปะโดยเฉพาะเท่านั้น




43
5.4การสร้างสรรค์งานประติมากรรม
         การสร้างสรรค์  คือ  การทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นในโลกด้วยปัญญาของมนุษย์  สิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นนั้นต้องมีลักษะเป็นต้นแบบในทางใดทางหนึ่ง  ไม่ซ้ำกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว  การสร้างสรรค์เป็นกระบวนการอิสระ  ไม่เป็นทาสของสิ่งใด  ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์  ปัญญา  หรือลัทธิ  หรือแบบอย่าง  (Style)  การสร้างสรรค์ต้องมีเสรีภาพ  มีความนึกคิดอย่างอิสระ  มีความริเริ่มและก้าวหน้า (ชลูด  นิ่มเสมอ.  2553)  

http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/882/297/default_17.2..JPG?1361773488   http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/882/315/default_montien_007.jpg?1361775528









44
6.การออกแบบรุปภาพ สัญลักษณ์ หรืองานกราฟิก
6.1วามหมายของการออกแบบ (Design)
    การออกแบบ มีรากศัพท์มาจากาษาละินว่า ‘designare’ ซึ่งหมายถึง การกำหนดออกมา กะ หรือ ขีดเขียนไว้ เป้าหมายที่ได้แสดงออกมาในการออกแบบหมายถึง การแสดงออกในสิ่งที่อยู่ในวามรู้สึก วามิดอาเป็นโรงการ รูปแบบ หรือแผนผัง ซึ่งผู้ออกแบบได้กำหนดขึ้นด้วยการัดท่าทาง ถ้อยำ เส้น สี แสง รูปร่าง โรงสร้าง ลักษณะพื้นผิวามหลักเกณฑ์
    ำว่าการออกแบบ เป็นำที่ให้วามหมายได้หลากหลาย นอกากวามหมายที่ได้กล่าวมานี้ยังมีผู้ให้วามหมายของำนี้่างกันไปอีกมากมาย แ่กล่าวโดยสรุปแล้ว การออกแบบ หมายถึง กระบวนการทางวามิดในอันที่ะวางแผน การรวบรวมอง์ประกอบทั้งหลายเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างสรร์หรือปรับปรุงประดิษฐกรรม่างๆอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอยและวามงาม
6.2การออกแบบภาพสัญลักษณ์
ภาพสัญลักษณ์มีส่วนสําคัญอยู่ 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นภาพและส่วนที่เป็นตัวหนังสือ ซึ่งนํามาจัดเป็นหมวดหมู่และแบ่งภาพสัญลักษณ์ออกเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. Pictograp คือ ภาษาภาพ ซึ่งก็คือภาพที่สื่อความหมายได้โดยไร้ตัวอักษรอธิบาย มีลักษณะเรียบง่าย และเป็นสากล ได้แก่ป้ายจราจร ป้ายบอกทิศทางตามสถานที่ต่าง ๆ การออกแบบ Pictograph นั้น ส่วนสําคัญที่สุดคือเรื่องของการสื่อความหมาย ต้องไม่มีรายละเอียด
http://www.thaimtb.com/webboard/15/07760-1.jpg
45
2. Symbol คือสัญลักษณ์ที่ไม่ใช้ตัวอักษรในการสื่อความหมายส่วนใหญ่จะใช้เป็นสัญลักษณ์องค์กรสถาบัน บริษัท ฯลฯ ที่มาของภาพสัญลักษณ์อาจมาได้หลายทาง
http://www.nep.go.th/userfiles/image/about_nep/Logo_psm.jpg                  http://www.most.go.th/main/files/logo-apply2012-100cm.png

3. Letter Mark คือ ภาพตัวอักษร หรือภาพสัญลักษณ์ที่ใช้ตัวอักษรในการสื่อความหมายโดยอาจจะหยิบชื่อหรือสโลแกนมาวาง ทําการดัดแปลงตัวอักษรต่างๆ
http://www.oishigroup.com/images/logo_jp_buffet_b.jpg        http://ibethatsmileyone.files.wordpress.com/2011/10/levis_logo_705x530.jpg







46
4. Logo  คือภาพสัญลักษณ์ที่เป็นตัวอักษรอ่านออกเสียงเป็นคําเป็นประโยคได้ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นชื่อสินค้า หรือชื่อบริษัท
http://www.therecycler.com/wp-content/uploads/2013/03/Samsung-Logo.jpg          https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ9bYjatGvY88dkZs0okXsNy0-yBXoMwt7aF8V7kyoSqryhbArgJQ
5. Combination Mark คือ ภาพสัญลักษณ์ที่มีการผสมผสานระหว่างภาพ และตัวอักษรเข้ามาใช้ร่วมกัน เพื่อสื่อความหมายตามที่นักออกแบบวางไว้
http://stuffpoint.com/kfc/image/37268-kfc-kfc-circle-logo.jpg
47
6.3หลักการออกแบบกราฟิก  Ghaphic Design
6.3.1การออกแบบกราฟิก
     ความหมายของการออกแบบกราฟิกเป็นลักษณะของการออกแบบพื้นผิว 2 มิติ เพื่อเป็นสื่อกลางสำหรับการถ่ายทอดข้อความ ความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งเพื่อให้เข้าใจและรู้เรื่องโดยใช้ประสาทตาในการรับรู้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่
- งานโทรทัศน์ กราฟิกจะเกี่ยวข้องในส่วนที่เป็นหัวเรื่อง(Title) สไลด์ ฯลฯ
- งานจัดฉากละคร เช่นการจัดฉากในรูปแบบต่าง ๆ การออกแบบตัวหนังสือ
- งานหนังสือพิมพ์ วารสารนิยมใช้สัญลักษณ์ทางการฟิกกันมากเพราะสัญลักษณ์เหล่านี้ทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย
- งานออกแบบ หรือแบบร่าง เช่นออกแบบบ้าน
- เขียนภาพเหมือน
- งานพิมพ์หรือทำสำเนา
- ทำซิลค์สกรีน
- การออกแบบหนังสือ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ
ความสำคัญของการออกแบบงานกราฟิก
1. การออกแบบที่ดีต้องทำให้ข้อมูลที่กระจัดกระจายมีระเบียบมากขึ้น
2. ช่วยให้ระบบการถ่ายทอดข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน
3. ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคม เพื่อการสื่อความหมายร่วมกัน
4. ช่วยพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5. ช่วยให้เกิดจินตภาพ เกิดมีแนวคิดสิ่งใหม่อยู่เสมอ
6. ส่งเสริมให้เกิดค่านิยมทางความงาม



48
6.4ประเภทของงานกราฟิก 
http://www.thaigoodview.com/files/u3844/coke.gif
http://photos2.hi5.com/0143/047/845/OVVjrr047845-02.png
3. แผ่นป้ายโฆษณาหรือโปสเตอร์
http://dc145.4shared.com/doc/LGXRsW8-/preview_html_431a1459.png

http://thaisample.com/wp-content/uploads/2013/03/traffic-sign1.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น